นักเตะ ปิศาจแดง คนไหน ที่พัฒนาตัวเองได้เป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมาแล้วล่ะก็ เชื่อได้ว่าชื่อของ เฟร็ด ก็น่าจะเป็นหนึ่งในชื่อที่หลายคนนึกถึงเป็นลำดับแรกๆ เฟรเดรีกู โรดรีกิส จี เปาลา ซังตุส หรือรู้จักในชื่อ แฟรจี เป็นนักฟุตบอลชาวบราซิล แทงบอลออนไลน์ ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองกลางให้แก่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในพรีเมียร์ลีกของประเทศอังกฤษ และทีมชาติบราซิล
หลังจากที่เขาเล่นได้น่าประทับใจพอตัวจนเป็นที่ชืนชอบของแฟนบอลบางส่วนไปแล้ว เกมดังกล่าวมีประเด็นให้ต้องพูดถึง ตอนที่สกอร์เป็น 1-1 และถึงนาทีที่ 88 แมนยูฯ ได้โอกาสทอง เมื่อ เอดูอาร์ด เมนดี ผู้รักษาประตูเชลซี ออกบอลพลาดมาเข้าทาง เฟร็ด แต่ดาวเตะทีมชาติบราซิลกลับจะโชว์เหนือด้วยการชิพบอลให้ข้ามหัวเมนดี แต่ดันยิงเบาเกิน เลยกลายเป็นส่งบอลเข้ามือ เมนดี แบบง่ายๆ ชวดทำสกอร์ที่อาจจะเป็นประตูชัยในเกมนี้ไปอย่างน่าเสียดาย แทงบอลออนไลน์ นับตั้งแต่ที่มาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เฟร็ด มักจะรับบทบาทเป็นมิดฟิลด์ตัวรับมากกว่าตัวรุก ซึ่งในฤดูกาลนี้ เฟร็ด ก็ทำผลงานด้านเกมรับได้ดีเป็นลำดับต้นๆ ของทีม แทงบอล อย่างเช่นการตัดบอลแบบไม่ต้องพุ่งเสียบที่ทำได้ 20 ครั้ง สูงเป็นอันดับ 2 ของทีม และการชนะจังหวะดวลตัวต่อตัวที่ทำได้ 90 หน ซึ่งถือเป็นอันดับ 2 ของทีมเช่นกัน
นอกจากนี้ เฟร็ด ยังมีด้านที่ทำได้ดีที่สุดเป็นอันดับ 1 ของทีมด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสกัดโดนบอลที่ทำได้ 53 ครั้ง, การเก็บบอลได้ที่จำนวน 139 หน และการชนะในพื้นที่กลางสนามที่ทำไปได้ 72 หน จากจำนวน 13 เกมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บชัยชนะได้ในซีซั่นนั้น มีถึง 59 เปอร์เซ็นต์ที่เป็นเกมที่ เฟร็ด มีส่วนร่วมด้วย อย่างเช่นเกมลีกนัดชนะ อาร์เซน่อล 3-2 เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมาที่เขาทำได้ 1 แอสซิสต์และเรียกจุดโทษได้ 1 ครั้ง แทงบอลออนไลน์ จนนำไปสู่ประตูจากลูกจุดโทษของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และการเป็นคนทำประตูชัยในเกมลีกนัดชนะ คริสตัล พาเลซ 1-0 ในช่วงเวลาใกล้ๆ กัน เป็นต้น ในขณะที่เวลาไร้เงาของ เฟร็ด แมนฯ ยูไนเต็ด แทงบอล มีเปอร์เซ็นต์ชนะเพียง 25 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดของสถิติด้านนี้ก็คือในเกมลีก 5 นัดหลังสุดนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บชัยชนะไปได้ 3 เกม ซึ่งทั้ง 3 นัดที่ว่าก็มี เฟร็ด ลงเป็นตัวจริงทั้งหมด ส่วนที่เหลือ 2 นัดที่ทีมของ รังนิก แทงบอลออนไลน์ ทำได้เพียงเสมอกับทั้ง เบิร์นลี่ย์ และ เซาธ์แฮมป์ตัน ด้วยสกอร์ 1-1 นั้น ดาวเตะชาวบราซิเลียนอดลงช่วยทีมเพราะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นั่นเอง หลังจากที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา โดนปลดออกจากการเป็นกุนซือของทีมไปแล้วนั้น เฟร็ด ก็ได้ขยับมาเล่นตรงพื้นที่ที่สูงขึ้นจนทำให้มีส่วนร่วมกับเกมรุกในการเล่นระดับ พรีเมียร์ลีก มากกว่าเดิม ทั้งในสมัยของ ไมเคิ่ล คาร์ริค และ รังนิก แทงบอลออนไลน์ อย่างเช่นการผ่านบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษที่เขาทำได้เฉลี่ย 1.2 ครั้งต่อเกมนับตั้งแต่ที่ โซลชา ไม่ได้อยู่คุมทีมอีกต่อไปแล้ว ขณะที่ในยุคของอดีตแข้งชาวนอร์เวย์นั้น เขามีผลงานด้านนั้นเพียง 0.6 ครั้งต่อนัด
นอกจากนี้ เฟร็ด ยังขยับจากการสร้างโอกาสทำประตูได้เฉลี่ย 0.8 ครั้งต่อเกม มาเป็น 1.6 ครั้งต่อนัดด้วย และเขาก็ผ่านบอลเข้าไปในพื้นที่สุดท้ายได้มากขึ้นจาก 14.3 หนต่อเกมมาเป็นนัดละ 16.6 ครั้ง รวมถึงมีจังหวะง้างเท้ายิงเองมากขึ้นจาก 0.5 แทงบอลออนไลน์ ครั้งต่อเกมมาเป็น 0.9 นัดต่อครั้งเช่นกัน